FV = PV (1+r)^t
FV - เงินในอนาคตที่เราคาดว่าจะมี (บาท)
PV - เงินลงทุนวันนี้ (บาท)
r ผลตอบแทนต่อปี (%)
t ระยะเวลาการลงทุน (ปี)
เคยลองตั้งเป้าหมายในชีวิตกันบ้างมั๊ยครับ ผมเองตอนที่เข้าตลาดใหม่ๆ (อายุประมาณ 22) ผมคิดไว้ว่าอยากจะมีเงินล้านในได้ก่อนอายุ 30 ปี เพราะฉะนั้นผมมีเวลาเหลืออยู่ 8 ปี สมมุติว่ามีเงินลงทุนเริ่มต้น 2 แสนบาท คำนวณจากสูตรข้างต้นโดยใช้วิธีลองผิดลองถูก กำหนด pv = 2 แสน t=8 แล้วเปลี่ยน r ไปเรื่อยๆจนได้ fv = 1ล้าน แสดงว่าผมจะต้องทำผลตอบแทนให้ได้ประมาณ 23% ต่อปีติดต่อกัน 8 ปี อาจจะฟังดูยาก แต่ถ้าเพิ่มผมแบ่งรายได้จากเงินเดือนลงทุนเพิ่มเดือนละ 3,000 บาท หรือปีละ 36,000 บาท ผมจะต้องลงทุนให้ได้ปีละ 13.5% ซึ่งผมว่าการลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้นน่าจะทำได้ไม่ยาก
ตัวอย่างการคำนวณกรณีที่มีการลงทุนเพิ่ม

ลองตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองดูนะครับ ในตัวอย่างผมกำหนดเวลาไว้ 8 ปีจะมีเงินให้ได้ 1 ล้านบาท ลองคิดต่อเล่นๆถ้าผมลงทุนด้วย rate นี้ต่อไปเรื่อยๆจนอยาก 40 ปี ผมจะมีเงิน 4.2 ล้าน อายุ 50 ปี 15.9 ล้าน อายุ 60 ปีผมจะมีเงินถึง 57 ล้านบาท...
ถ้าลองเปลี่ยนผลตอบแทนเป็น 15% จะเกิดอะไรขึ้น อายุ 60 ผมจะมีเงิน 89 ล้าน
แล้วถ้าผมแบ่งเงินเดือนที่จะลงทุนเพิ่ม จาก 3000 เป็น 5000 ต่อเดือน ที่ผลตอบแทน 15% อายุ 60 ปี port ผมจะพุ่งไปถึง 121 ล้านเลยทีเดียว สูงไม่ใช่ย่อยเลยนะครับ
เห็นมั๊ยครับว่าการลงทุนนี่ ปัจจัยแห่งความสำเร็จนั้นมี 2 ประการ (การเปลี่ยนค่า 2 ตัวนี้ทำให้ผลลัพธ์ต่างกันจนน่าตกใจ)
1. ระยะเวลาการลงทุน (เริ่มก่อนได้เปรียบ)
2. ผลตอบแทน (เก่งกว่าได้เปรียบ)
3. เงินออมที่ลงทุนเพิ่มในแต่ละปี (ออมเยอะก็ได้เยอะ) ข้อนี้ผมเพิ่มมาจากบทความก่อน
- ใครยังไม่เริ่มมาลงทุน รีบๆซะนะ อย่าลืม เริ่มก่อนได้เปรียบ
- ส่วนใครเริ่มต้นช้า อย่าเพิ่งเสียใจ รีบๆหาความรู้ด้านการลงทุนแบบเน้นคุณค่าให้เยอะซะ แล้วเอาเวลาที่นั่งจ้องราคาหุ้นบนคอมพิวเตอร์มานั่งศึกษาธุรกิจต่างๆให้มาก ผลตอบแทนจะพุ่งขึ้นตามความขยันของเราเอง
- อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น คือการออมเงินมาลงทุนเพิ่มให้สูงขึ้น
- ลองตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองดู แล้วลองคำนวณตามผมเล่นๆดูว่า ต้องใช้เวลาลงทุนนานเท่าไหร่ หรือต้องมีผลตอบแทนกี่ % เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้
ใครสามารถทำได้ครบทั้ง เริ่มลงทุนเร็ว ทำผลตอบแทนได้ดี และแบ่งรายได้มาลงทุนเพิ่ม อย่างสม่ำเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะรู้ได้เลยว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้มันไม่ไกลเกินเอื้อมเลยจริงๆ
แล้วเมื่อรู้แบบนี้ ทำไมผมถึงจะไม่ลงทุนในหุ้นล่ะครับ !!!